วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

5 สีที่รัก

เขียวขุ่นมันวาวราวใบไม้ผลิ

สีเขียว เป็นสีโทนเย็น และมันสามารถให้ความรู้สึกเพิ่มความเย็นขึ้นอีก หากเลือกใช้สีเขียวขุ่น กล่าวคือ สีที่มีส่วนผสมของสีขาว สีเหลือง ซึ่งจะทำให้เนื้อสีมีความหม่น คุณสามารถที่จะทาได้ตลอดทั้งผนัง รวมถึงเพดาน โดยเฉพาะบ้านที่มีเพดานปูนที่ยกสูงจะยิ่งเลิศสุด จากนั้น ควรเลือกใช้ตู้ หรือชั้นวางของสีเดียวกัน เพื่อสร้างความกลมกลืน อีกทั้งการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สีเดียวกัน ยังช่วยพลางตาในการสร้างพื้นที่ให้ดูกว้างขึ้นอีกด้วย แต่ก็ควรสร้างจุดเด่นด้วยการเลือกใช้ของตกแต่ง สีขาว อย่างรูปปั้นปูนปลาสเตอร์ หรือกรอปรูปแขวนผนังสีทอง ก็สุดแสนจะเข้ากัน เพิ่มความสนุกด้วยการเล่นสีอีกหน่อย ด้วยการเลือกใช้ หมอนอิง หรือ แจกัน ตลอดจนสิ่งละอันพันละน้อยที่เป็นองค์ประกอบของห้องด้วยสีเขียวเฉดต่างกัน เพื่อสร้างน้ำหนัก

อุ่นออเรนจ์

สีส้ม เป็นสีแห่งความสนุกสนาน ร่าเริง โดยเฉพาะช่วงซัมเมอร์ จะช่วยสร้างอารมณ์เบิกบาน คึกคัก ให้กับบ้านของคุณ แต่หากเป็นช่วงฤดูหนาว มันก็ยังบันดาลความอบอุ่นให้อบอวลได้อีกด้วย นับว่าเป็นสีแห่งความมหัศจรรย์ทีเดียว แต่คุณก็ควรฉลาดที่จะเลือกใช้ด้วยเช่นกัน เพราะสีส้มจัดว่าเป็นสีโทนร้อน หากเลือกใช้เฉดที่ไม่เหมาะสม จะพาลทำให้คุกลุ่นได้เช่นกัน ดังนั้น สีส้มโทนที่เหมาะสมในการทาผนังห้อง คือ สีส้มอิฐ เป็นสีที่มีสีอื่นผสมอยู่ด้วย ซึ่งจะทำให้เนื้อสีมีความหม่น เหมาะสำหรับห้องนั่งเล่น ห้องโถง ห้องครัว ทั้งนี้ ผนังสีส้มอิฐจะดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น หากใช้คู่กับสีขาว อย่างเช่น หากทาผนังสีส้มอิฐ ก็ควรทาบานประตู และเพดาน ด้วยสีขาว ส่วนของตกแต่งอื่นๆ ภายในห้อง ให้เลือกใช้สีเหลือง สีขาว สีน้ำตาล รับรองเด้งสุดๆ

เนเชอรัลกรีน

สำหรับคนที่รักธรรมชาติแบบดิ่งลึก อยากฉุดกระชากเอาธรรมชาติเข้ามาไว้ภายในบ้าน ก็ต้องจัดไปกับสีเขียวอ่อน แต่ก็ควรเป็นสีเขียวอ่อนที่มีความหม่นนิดหน่อย เพราะหากต้องแสงตะวันแล้วจะทำให้แสงภายในห้องดูอบอุ่นกำลังดี ไม่สว่างจ้าจนเกินไป แล้วเลือกใช้วัสดุหุ้มเฟอร์นิเจอร์ที่มีลวดลายดอกไม้สีสันสดใส ซึ่งสามารถเล่นสีกับของตกแต่งได้อย่างเต็มที่ ให้เหมือนกับเยื้องย่างอยู่กลางสวน

เหลืองน้ำเงินขี้เล่น

การทาสีผนังห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องครัว หรือห้องอ่านหนังสือ ด้วยสีน้ำเงินหม่น จะช่วยสร้างความสงบนิ่งให้อบอวลอย่างที่ต้องการ แต่หากจะน้ำเงินไปซะทุกตารางนิ้วมันก็คงจะทึมๆ ไปหน่อย ดังนั้น ควรคว้าสีเหลืองหม่นมาเติมความขี้เล่นแบบยียวนกวนใจสีน้ำเงินกันสักนิด เพื่อสร้างสรรค์ไอเดียให้บรรเจิด อย่างเช่น หากเลือกใช้สีน้ำเงินหม่นกับผนังห้อง ก็ควรตัดด้วยสีเหลืองให้กับบานประตู แถมยังทาสีเหลืองให้กับกระถางต้นไม้ประดับภายในห้องด้วยก็ยังได้

เขียวเทอร์ควอยส์

เป็นสีแห่งท้องทะเล ที่ให้สัมผัสคึกคัก กระปรี้กระเปร่า โดยเฉพาะคนหัวใจทะเล ไม่ว่าจะใช้กับผนังห้องใดก็แล้วแต่ มันช่างชิลล์ได้อย่างสมใจ และสามารถเพิ่มความชิลล์แบบชิคๆ ได้อีก ด้วยการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สีขาว คราวนี้ได้เดินชิลล์โบกสะบัดเหมือนอยู่ชายทะเลเป็นแน่

วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อ่านจิตใจมนุษย์ผ่านวิกฤตน้ำท่วม โดย ศ.ระพี สาคริก

อ่านจิตใจมนุษย์ผ่านวิกฤตน้ำท่วม โดย ศ.ระพี สาคริก

คนไทยส่วนใหญ่ใจแคบจึงปิดทางน้ำให้มันเดิน นี่แหล่ะ คือ บาปกรรมที่ทำเอาไว้ เสมือนเราจับน้ำมาขังคุก ฉันเชื่อว่าไม่เคยมีมนุษย์หน้าไหนเอาชนะอิทธิพลธรรมชาติได้ ...

ธรรมชาติสอนมนุษย์ให้ละความเห็นแก่ตัวลงไปเสียบ้าง

ศ.ระพี สาคริก ปราชญด้านการเกษตรของไทย

เธอที่รักของฉัน ฉันนั่งพิจารณาดูเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้แล้วรู้สึกว่ามันเกิดเรื่องราวขึ้นเพราะมนุษย์มีความเห็นแก่ตัวสูง เหตุผลก็คือ ในอดีตที่ผ่านมา คนไทยส่วนใหญ่ขาดความรักความสามัคคีซึ่งกันและกัน แม้น้ำท่วมครั้งนี้ จะรวมตัวกันก็ตามแต่ก็คงประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น

หวนกลับไปนึกถึง การพัฒนาชนบทของไทยเท่าที่ผ่านมาแล้ว ฉันกล้าพูดว่ามันล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ถ้าจะเปรียบเทียบน้ำท่วมครั้งนี้กับเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๕ แล้ว ครั้งก่อนมันมากกว่านี้ ที่ฉันกล้าพูดก็เพราะว่า ตนเองอยู่ในเหตุการณ์มาตลอดหนึ่งเดือนเต็มๆ แต่สังคมในครั้งนั้น บรรยากาศในกรุงเทพก็ยังไม่มีคนแออัดเหมือนเดี๋ยวนี้ ฉันเฝ้าสังเกตดูกรุงเทพฯ มาตลอด และพูดมานานแล้วว่า การพัฒนาชนบทมันล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ตัวบ่งชี้ก็คือ แผงลอยข้างถนนมันแน่นขนัดยิ่งขึ้นทุกวัน แม้แต่นั่งรถแท็กซี่ ฉันก็ชอบที่จะถามว่ามาจากจังหวัดไหน ส่วนใหญ่ก็มักจะอพยพมาจากภาคอีสาน เรื่องมีขโมยขโจรในกรุงเทพฯ แต่ก่อนมันก็ไม่มี ทุกคนกล้าเดินกลางคืนบนถนนหนทางได้อย่างมีความสุข และยังมีอีกหลายเรื่องที่สังเกตให้เห็นได้ว่ามีคนอพยพมาจากต่างจังหวัด

แม้แต่ปัญหาชุมชนแออัด ซึ่งครั้งหนึ่งในช่วง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพ ได้เคยเชิญให้ฉันและคุณหมอ ประเวศ วะสี ไปปรึกษาเพื่อคิดวิธีแก้ไขปัญหา ครั้นคุยกันไปได้พักหนึ่ง เราก็บอกว่า การแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดในกรุงเทพฯนั้นจะต้องคิดแก้ไขในต่างจังหวัด ความจริงเรื่องนั้น ก็คือหลักธรรม ที่ว่า ถ้าเกิดปัญหาขึ้นที่ไหน ก็ควรหวนกลับไปแก้ไขอีกด้านหนึ่ง สรุปแล้ว การแก้ไขปัญหาในชนบท คนกรุงเทพฯจะต้องมีใจกว้าง และมีความเมตตา กรุณา ต่อคนที่อยู่ต่ำกว่าเรา

922-1aSD6o_St_55THAILAND-FLOODS/

นอกจากนั้น คนไทยส่วนใหญ่ เห่อความมีหน้ามีตา มีรถยนต์หรูๆ ราคาแพง และยังนิยมเล่นพรรคเล่นพวก แทนที่จะมีจิตใจซื่อสัตย์ สุจริต จึงทำให้แม้แต่การแก้ไขปัญหาจราจรติดขัด เราก็ยังแก้ไม่ตก เมื่อด้านหนึ่งมันเพิ่มขึ้น อีกด้านหนึ่งมันก็ย่อมเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นเมื่อมีวัตถุเพิ่มขึ้น จิตใจคนมันก็ยิ่งโลภมาก ได้เท่านี้ยังจะเอาเท่านั้นแล้วเราจะมาพูดเรื่องความพอเพียง ก็คงจะพูดได้แต่ปาก ประชากรในกรุงเทพฯ ซึ่งขาดการศึกษาที่ดี ย่อมมีจำนวนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น มีอะไรนิดหน่อยก็จะทะเลาะเบาะแว้งกัน จนกระทั่งบางครั้งถึงกับฆ่ากันเอง แม้แต่อยู่ในซอยเดียวกัน ก็ไม่พูดกัน บ้านไหนมาก่อนก็ย่อมเคราะห์ร้าย เพราะถมดินแข่งกัน ต่างคนต่างสูงยิ่งขึ้นไปทุกที

ส่วนน้ำที่ไหลมามันตรงไปตรงมา ดังนั้น จึงหาทางออกได้ยาก ถ้าฉันจะพูดว่า คนไทยส่วนใหญ่ใจแคบจึงปิดทางน้ำให้มันเดิน นี่แหล่ะ คือบาปกรรมที่ทำเอาไว้ เสมือนเราจับน้ำมาขังคุก ฉันเชื่อว่าไม่เคยมีมนุษย์หน้าไหนเอาชนะอิทธิพลธรรมชาติได้ เพราะฉะนั้นเมื่อมนุษย์กำแหงก็คงต้องรับกรรมแบบนี้ ยิ่งคนไทยส่วนใหญ่มีนิสัยลืมง่ายด้วยแล้ว แม้น้ำท่วมหนักขนาดนี้ ก็คงไม่รู้ว่าสาเหตุมันมาจากไหน บางคนพูดว่าตัวเองไม่ได้ทำกรรมไว้ แต่เหตุไฉนจึงต้องมารับกรรม ความจริงชีวิตของทุกคนย่อมมีกรรมด้วยกันทั้งนั้น เว้นไว้แต่ว่ามีมากมีน้อย และโดยธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อทำอะไรผิดเอาไว้ก็มักไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นเราจึงควรอยู่อย่างยอมรับความจริงน่าจะดีกว่า

สรุปแล้ว น้ำท่วมครั้งนี้ย่อมมีขยะใหม่ขึ้นมาให้เราได้เห็น แต่ขยะตัวจริงนั้นไม่ใช่สิ่งสกปรกในน้ำ หากแต่เป็นจิตใจของมนุษย์นี่แหล่ะ ความจริงแล้วขยะที่อยู่ในน้ำนั้น ไม่มีตัวตนให้ต้องไปยึดติด ที่ฉันพูดว่าไม่มีตัวตน ก็เพราะเหตุว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้ามนุษย์มีปัญญาที่จะใช้ให้หมด มันก็คงไม่มีขยะหลงเหลืออยู่อีก แม้แต่พ่อฉันก็เคยสอนว่า เวลากินข้าวอย่าเหลือข้าวสุกติดก้นจาน นี่ก็เป็นสัจธรรม ซึ่งฉันคิดว่ามันคือสมบัติอันล้ำค่า ที่ฉันได้รับมาจากพ่อ เพราะฉะนั้นน้ำท่วมครั้งนี้โปรดอย่าโทษน้ำเลย ขอให้หวนกลับมาพิจารณาที่มนุษย์น่าจะดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ตัวเราเอง

๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๔

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ไม่ใช่แค่เขาที่เหงาเป็นนะเธอ

 

มองตามสิ่งดีดีที่เธอให้เขา

อยากได้มาเป็นของเรา สักที

แต่ก็ไม่เคยมีไว้

แม้อยู่ใกล้เธอแค่นี้

ฉันกลายเป็นแค่คนที่รักเธออีกคน

เวลาที่มีทุกข์ใด เวลาที่ใจเขาหม่น

เห็นเขามีเธอทั้งคนดูแลทั้งวัน

ไม่ใช่แค่เขาที่เหงาเป็นนะเธอ

ฉันก็เจอแต่ความเหงาจนคุ้นหน้ากัน

สิ่งที่เธอทำกับเขา อยากให้มาทำกับฉัน

อยากมีสักวันที่เธอเอาใจ

ไม่ใช่แค่เขาที่เหงาเป็นรู้ไหม

เสียงหัวใจเพ้อทุกวันอยากถูกเธอรัก

เมื่อเธอมองแต่เขา

สิ่งที่ฝันนั้นคงลำบาก

ทำได้แค่แอบรักแอบเหงาใกล้ใกล้

ยืนอยู่นอกความสนใจเสมอ

ไม่เคยถูกหัวใจเธอ ยิ้มให้

ยามอยู่ใกล้เธอกับเขา

โลกเป็นสีเทาทันใด

หนีจากความน้อยใจไม่เคยจะพ้น

เวลาที่มีทุกข์ใด เวลาที่ใจเขาหม่น

เห็นเขามีเธอทั้งคนดูแลทั้งวัน

ไม่ใช่แค่เขาที่เหงาเป็นนะเธอ

ฉันก็เจอแต่ความเหงาจนคุ้นหน้ากัน

สิ่งที่เธอทำกับเขา อยากให้มาทำกับฉัน

อยากมีสักวันที่เธอเอาใจ

ไม่ใช่แค่เขาที่เหงาเป็นรู้ไหม

เสียงหัวใจเพ้อทุกวันอยากถูกเธอรัก

เมื่อเธอมองแต่เขา

สิ่งที่ฝันนั้นคงลำบาก

ทำได้แค่แอบรักแอบเหงาใกล้ใกล้

ไม่ใช่แค่เขาที่เหงาเป็นนะเธอ

ฉันก็เจอแต่ความเหงาจนคุ้นหน้ากัน

สิ่งที่เธอทำกับเขา อยากให้มาทำกับฉัน

อยากมีสักวันที่เธอเอาใจ

ไม่ใช่แค่เขาที่เหงาเป็นรู้ไหม

เสียงหัวใจเพ้อทุกวันอยากถูกเธอรัก

เมื่อเธอมองแต่เขา

สิ่งที่ฝันนั้นคงลำบาก

ทำได้แค่แอบรักแอบเหงาใกล้ใกล้

เมื่อเธอมองแต่เขา

สิ่งที่ฝันนั้นคงลำบาก

ทำได้แค่แอบรักแอบเหงาใกล้ใกล้